การเลือกซื้อเพชร

เพชรคือสิ่งมหัศจรรย์จากธรรมชาติ เกิดจาก การตก ผลึกของธาตุคาร์บอนภายใต้พื้นผิวโลก  และได้เดินทางผ่านกาลเวลาและผจญกับกระบวนการทาง ธรรมชาติมากมาย  ผสมผสานกับการเจียระไนโดยฝีมือมนุษย์ เพื่อให้เพชรเปล่งประกายเจิดจรัส และนำมาออกแบบประดับบนตัวเรือนดีไซน์ต่างๆ เป็นเครื่องประดับอัญมณีอันล้ำค่า บนเรือนร่าง ของหญิงสาวอย่างงดงาม

เพชรถูกค้นพบเป็นครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย จากนั้นก็มีการค้นพบแหล่งเหมืองเพชรแหล่งอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะ เป็นแอฟริกา ออสเตรเลีย แคนนาดา และรัสเซีย โดยเพชรถูกขุดพบได้ทั้งในทะเลทรายอันไกลโพ้น และใต้ท้อง ทะเลลึก แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะที่มีเพียงเพชรส่วนน้อยจากจำนวนที่ขุดพบเท่านั้นที่สามารถนำมาเจียระไนเพื่อทำ เครื่องประดับได้ หากกคุณกำลังเลือกซื้อเพชร พึงระลึกไว้ว่าเพชรแต่ละเม็ดก่อตัวขึ้น ณ ใจกลางโลก และเดินทาง ผ่านกาลเวลา อันยาวนาน ผ่านหลายทวีปก่อนที่จะถึงมือคุณ

เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่มนุษย์ได้ค้นพบประกายเจิดจรัสของเพชรคุณภาพที่แสดงอารมณ์ ความรู้สึกและเป็นสัญลักษณ์ แห่งความรักอมตะจากจำนวนเพชรน้ำงามมากมายที่ให้คุณ เลือกสรร เป็นเจ้าของก่อนที่จะเลือกซื้อเพชร ควรทราบเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ อีก ดังนี้ เมื่อคุณเริ่มคิดที่จะซื้อเพชร สัญลักษณ์แห่งความรัก โดยทั่วไปคุณคงต้องการสิ่งที่ดีที่สุด ให้คุ้มค่ากับที่คุณจ่ายไป เพื่อให้ได้เพชรสักเม็ดที่จะเป็นของเธอ และของคุณ ตลอดไป เพชรมีหลายระดับราคาให้เลือกซื้อ ทั้งนี้แล้วแต่รสนิยมและงบประมาณที่คุณตั้งไว้  โดยคุณ สามารถยึดหลัก 4C’S เป็นหลัก คือ

Carat (กะรัต)

กะรัต (Carat) เป็นหน่วยวัดน้ำหนักและขนาดของเพชร โดยเพชร 1 กะรัต มีน้ำหนักเท่ากับ 200 มิลลิกรัม ซึ่งแบ่งออกเป็น 100 สตางค์ตามธรรมชาติ และเพชรยิ่งมีขนาดใหญ่ มักหาพบได้ยาก และยิ่งมีราคาสูง

คำว่า “กะรัต” มาจากคำว่า Carob โดยในสมัยอดีตมีคนสังเกตเห็นว่า ขนาดเมล็ดของต้น Carob มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน แต่แม้ว่าจะขนาดรูปร่าง ต่างกันก็มีน้ำหนักเท่ากันทุกเมล็ด นั่นคือเฉลี่ยแล้วประมาณ 205 มิลลิกรัม ดังนั้นเขาจึงนำเอามาตรฐานนี้มาเป็นเครื่องเปรียบเทียบ วัดน้ำหนักของเพชร โดยใช้มาตรวัดว่าเมล็ด Carob 1 เมล็ดนั้นเปรียบได้กับน้ำหนักเพชร 1 กะรัต และคำว่า Carob นั้นก็เพี้ยนมาจนกลายเป็นคำว่า CARAT ซึ่งเป็นหน่วยวัดน้ำหนักเพชรจวบจน ปัจจุบัน

เครื่องเพชร เครื่องเพชร เครื่องเพชร เครื่องเพชร เครื่องเพชร เครื่องเพชร เครื่องเพชร เครื่องเพชร
1.50 carat 1.25 carat 1.00 carat 0.75 carat 0.50 carat 0.25 carat 0.10 carat 0.05 carat

Color (สี)

เพชรส่วนมากที่พบจะมีสีขาวใส โดยมีระดับสีไล่เรียงกันตั้งแต่ขาวใสพิเศษ+ (Exceptional White+) ไปจนถึงขาว (White) ซึ่งสถาบันวิเคราะห์และ รับรองคุณภาพ อัญมณีระดับโลกแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ GIA (Gemological Institute of America) ได้จัดระดับสีเพชรโดยใช้ตัวอักษร กำกับตั้งแต่ D จนถึง Z

เครื่องเพชร D 100% Exception White +
เครื่องเพชร E 99% Exception White
เครื่องเพชร F 98% Rare White +
เครื่องเพชร G 97% Rare White
เครื่องเพชร H 96% White
เครื่องเพชร I 95% Slightly Tinted White
เครื่องเพชร J 94% Slightly Tinted White
เครื่องเพชร K 93% Tinted White
เครื่องเพชร L 92% Tinted White
เครื่องเพชร M           Tinted Colour
เครื่องเพชร N-O        Tinted Colour
เครื่องเพชร P-R         Tinted Colour
เครื่องเพชร S-Z         Tinted Colour
   

Clarity (ความบริสุทธิ์)

เพชรทุกเม็ดมีความโดดเด่นในตัวเอง เพชรส่วนใหญ่จะมีตำหนิ หรือ เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งก่อตัวขึ้นระหว่างการตกผลึก เปรียบเหมือนลายนิ้วมือ ธรรมชาติที่รังสรรค์เพชรแต่ละเม็ด  ซึ่งลักษณะเป็นจุดเล็กๆภายในเพชรซึ่งมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และมีผลต่อการปล่อยให้แสง วิ่งผ่านเพชร อันจะทำให้เพชรเม็ดนั้น เปล่งประกายไม่เต็มที่ ดังนั้น สถาบันวิเคราะห์และรับรองคุณภาพอัญมณีระดับโลกแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ GIA (Gemological Institute of America) จึงได้กำหนด ระดับความใสสะอาดของเนื้อเพชรออกมาเป็นตารางเทียบความบริสุทธิ์ของเพชร เปรียบเทียบกับ เกรดต่างๆ เรียงลำดับไล่ตั้งแต่ เพชรที่มีความบริสุทธิ์สูงหรือไร้ตำหนิ (Internal Flawless) ไปจนถึงเพชรมีตำหนิ(Included) โดยต้องใช้แว่นส่องเพชร ที่มีกำลังขยาย 10 เท่า เพราะรอยภายในของเพชรส่วนใหญ่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดังนี้

เครื่องเพชร
IF/LC
เครื่องเพชร
VVS1 / VVS2
เครื่องเพชร
VS1 / VS2
เครื่องเพชร
SI1 / SI2
เครื่องเพชร
I1
Internally flawless/Loupe clean Very very slightly included Very sligh tly included Slightly included Inclusions visible to the naked eye

Cut (การเจียระไน)

การเจียระไน จัดได้ว่าเป็นคุณสมบัติประการสำคัญที่สุดของเพชรอันเกิดจากการปรุงแต่งของมนุษย์ ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว เพชรไม่ว่ารูปทรงใด หากเจียระไน อย่างถูกต้อง ก็จะทอประกายแพรวพราว เล่นแสงได้ดีเยี่ยม ทั้งนี้แสงจะวิ่งเข้าผ่านเนื้อเพชร และเกิดการหักเหภายในจากแต่ละด้านที่เสมือน กระจกเงาไปยังอีกด้านหนึ่ง และกระจายผ่านส่วนบนของเพชร ทำให้เกิดประกายแวววาวตามธรรมชาติสวยงามยิ่ง การที่เพชรมีความแตกต่างในเรื่อง ของขนาด รูปร่าง สี และ ความบริสุทธิ์ จึงเป็นงานที่ท้าทายสำหรับช่างเจียระไน ผู้มีความชำนาญในการเปลี่ยนก้อนเพชรจากธรรมชาติให้เป็นอัญมณีที่เปล่งประกายแวววาว ดังนั้นการเจียระไนเพชรให้ได้ มาตรฐานจะต้องทำอย่างประณีต เพื่อให้เกิดประกายระยิบระยับจากแสงที่สะท้อนสู่เพชรมากที่สุด การเจียระไนเพชรเป็นศิลปะอันละเอียดอ่อนที่ช่างเจียระไนต้องใช้จิตนาการ ความอดทน และทักษะในการเจียระไน ซึ่งเป็นงามที่ท้าทายความสามารถ ไม่ว่าเพชรขนาดเล็กหรือใหญ่ เมื่อได้รับการเจียระไนแล้ว แสงแห่งแรงบันดาลในที่ถูกปลดปล่อย ออกมานั้นจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล การสะท้อนแสง ของเพชรขึ้นอยู่กับการเจียระไน ซึ่งสามารถสังเกตได้ดังนี้

เครื่องเพชร เครื่องเพชร เครื่องเพชร
เจียระไนที่ได้สัดส่วนที่ดี  แสงจะสะท้อนจาก เหลี่ยมด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง และจะกระจาย แสงออกทางด้านบนของเพชร โอเปร่า เจมส์ พิถีพิถันเลือกใช้เพชรเจียระไนได้ สัดส่วนสมบูรณ์ ซึ่งทำให้เพชรมีประกาย โดดเด่นกว่าใคร ถ้าเจียระไนเพชรลึกเกินไป แสงจะสะท้อน หักเหออกทางด้าน ตรงข้ามฐานเพชร ถ้าเจียระไนเพชรลึกเกินไป แสงจะสะท้อนหักเห ออกทางด้าน ตรงข้ามฐานเพชรถ้าเจียระไนเพชรตื้น หรือเตี้ยเกินไป แสงจะพุ่งลงผ่านด้านล่างของฐานเพชร ออกไปโดยไม่มีการ สะท้อนกลับ ซึ่งการเจียร ลักษณะนี้ จะทำให้เพชรดูใหญ่เกินน้ำหนักจริง แต่เพชรจะไม่มี ประกายไฟ

ปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวกับคุณ ค่าของเพชร นอกจาก 4C’s

นอกจากคุณสมบัติของเพชร 4C’s แล้ว โอเปร่า เจมส์ ยังพิจารณาคุณสมบัติทางด้านอื่นๆที่มีผลต่อความสวยงาน และราคาของเพชรอีกด้วย เช่น

  • Girdle ขอบเพชร ควรมีขอบที่ไม่หนา ไม่บิ่น และไม่เป็นคลื่น
  • ไม่มี Fluorescence (none หรือ Faint)
  • รวมถึงคุณสมบัติอื่นๆ เช่น Grain line, Culet, Natural เป็นต้น

เครื่องเพชร